กองเรือหลวง Carrier Strike Group แห่งสหราชอาณาจักรเยือนอินโด-แปซิฟิกเป็นครั้งแรก เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและภูมิภาค
วันที่ 24 กรกฎาคม เรือหลวง HMS Richmond จากสหราชอาณาจักรจะมุ่งสู่เขตน่านน้ำประเทศไทยเพื่อทำการฝึกทางทหารร่วมกับกองทัพเรือไทย ประเทศไทยนับเป็นชาติแรกในอาเซียนที่ได้มีกิจกรรมร่วมกับกองเรือ Carrier Strike Group ในตารางการเยือนทั่วโลกครั้งนี้
ในวันที่ 24 กรกฎาคม เรือหลวง HMS Richmond จากสหราชอาณาจักรจะเข้าสู่เขตน่านน้ำประเทศไทยเพื่อร่วมฝึกทางทหารกับเรือรบของกองทัพเรือไทย นับเป็นการเยือนประเทศไทยครั้งแรกของเรือรบแห่งกองทัพเรือสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่เรือหลวง HMS Daring เยือนประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2557 และประเทศไทยนับเป็นชาติแรกในอาเซียนที่ได้มีกิจกรรมร่วมกับกองเรือ Carrier Strike Group ในตารางการเยือนทั่วโลกครั้งนี้
เรือหลวง HMS Richmond เป็นส่วนหนึ่งของกองเรือ Carrier Strike Group แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งนับเป็นการส่งกองกำลังทางน้ำและทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดที่ออกเดินทางจากสหราชอาณาจักรในรอบชั่วอายุคน กองเรือ Carrier Strike Group นำทัพโดยเรือหลวง HMS Queen Elizabeth เรือผิวน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีกำลังสูงสุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร ซึ่งเพิ่งออกเดินเรือปฏิบัติการครั้งแรก ในกองเรือประกอบไปด้วยเรือ 9 ลำ อากาศยาน 32 ลำ และเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 3,700 นาย
แม้กองเรือของเราจะมีแสนยานุภาพ แต่พันธมิตรจะทำให้เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น กองเรือ Carrier Strike Group จะเป็นผู้นำในการปฏิบัติการซ้อมทางทหารขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) และเรายังมีสองพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดอย่างสหรัฐอเมริกาและเนเธอร์แลนด์เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้อย่างเต็มรูปแบบ
กองเรือ Carrier Strike Group เป็นตัวแทนของวิสัยทัศน์ของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรที่ต้องการทำให้สหราชอาณาจักรเป็น “Global Britain” หรือเรียกได้ว่านำสหราชอาณาจักรออกสู่สายตาโลก แผนยุทธศาสตร์องค์รวมด้านนโยบายต่างประเทศ กลาโหมและการพัฒนาของสหราชอาณาจักรที่ประกาศไว้เมื่อต้นปีนี้ระบุว่าสหราชอาณาจักรจะต้องเป็นชาติที่มุ่งแก้ปัญหาและร่วมแบ่งเบาภาระของพันธมิตรโดยมีวิสัยทัศน์ระดับโลก เป็นผู้นำนานาชาติในด้านความมั่นคงร่วมกัน การร่วมมือในเวทีนานาชาติ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความเสี่ยงด้านสุขภาพ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และการลดความยากจน
อย่างไรก็ตามการเปิดกว้างย่อมต้องมาพร้อมความปลอดภัย ในฐานะประเทศที่มีการค้าขายทางทะเลและเป็นผู้นำด้านการแลกเปลี่ยนหมุนเวียนอย่างเสรีไม่ว่าจะเป็นด้านการค้า เงินทุน ข้อมูล ความคิดใหม่ ๆ และนวัตกรรม การออกปฏิบัติการของกองเรือ Carrier Strike Group แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ซึ่งมีความยืดหยุ่นและการเข้าถึงทุกส่วนในโลกของสหราชอาณาจักร ด้วยความสามารถด้านการทหารในหลายมิติของสหราชอาณาจักร กองเรือ Carrier Strike Group จึงสามารถออกปฏิบัติการด้วยตัวเองเพื่อตอบโต้ต่อภัยคุกคามไม่ว่าจะมาจากรัฐหรือกลุ่มอื่น ๆ และในขณะเดียวกันก็สามารถมีส่วนร่วมในภารกิจเพื่อมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัยได้
กองเรือ Carrier Strike Group แล่นออกจากท่าเรือเมืองพอร์ทสมัธในสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นับเป็นการเริ่มออกเดินทางทั่วโลกโดยแท้จริง โดยเมื่อเดินทางกลับสู่สหราชอาณาจักรในเดือนธันวาคมนี้กองเรือจะทำระยะทางได้กว่า 26,000 ไมล์ทะเล ครอบคลุมเส้นทางจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจรดทะเลแดง จากอ่าวเอเดนจรดทะเลอาหรับ และจากมหาสมุทรอินเดียจรดทะเลฟิลิปปินส์ ก่อนจะแล่นกลับสู่สหราชอาณาจักร กองเรือ Carrier Strike Group จะเยือน 40 ประเทศตลอดการเดินทางนี้และมีกิจกรรมร่วมกับพันธมิตรกว่า 70 ครั้ง ซึ่งรวมถึงการฝึกซ้อมทางทหารและภารกิจอื่น ๆ
ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคมนี้ กองเรือ Carrier Strike Group จะออกปฏิบัติการในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยเดินทางผ่านทวีปเอเชีย เข้าสู่ช่องแคบมะละกาเพื่อเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น เรือหลวง HMS Queen Elizabeth มีจุดแวะพักสำคัญในภูมิภาคนี้คือประเทศสิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่นและอินเดีย ขณะที่เรือร่วมขบวนลำอื่น เช่น เรือหลวง HMS Richmond จะมีกิจกรรมร่วมกับพันธมิตรในภูมิภาคและในอาเซียน โดยเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของสหราชอาณาจักรซึ่งต้องการแสดงตัวตนที่น่าเชื่อถือ พึ่งพาได้ และสม่ำเสมอในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกนี้ กองเรือจะมีส่วนร่วมกับพันธมิตรในการฝึกซ้อมระดับโลก “Large Scale Global Exercise” ที่นำโดยสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังจะร่วมในภารกิจบังคับใช้การคว่ำบาตรของสหประชาชาติ และการฝึกซ้อมของกลุ่ม Five Power Defence Arrangement ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มระหว่างพันธมิตร 5 ประเทศ และเป็นความตกลงด้านความมั่นคงเดียวที่มีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับประเทศไทย กิจกรรมทางทะเลร่วมกันครั้งนี้จะเป็นการฝึกบนเรือของแต่ละฝ่ายโดยไม่มีการสัมผัสใกล้ชิด แต่เป็นการกระชับความสัมพันธ์ในด้านความมั่นคง ส่งผลให้เกิดการแบ่งปันความรู้ผ่านกิจกรรมด้านการศึกษาวิชาชีพทหาร และการเพิ่มความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่เรามีความสนใจร่วมกัน ตั้งแต่ปฏิบัติการสันติภาพในระดับนานาชาติ การต่อต้านการก่อการร้าย วิชาการแพทย์ทหาร รวมถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ
กองเรือ Carrier Strike Group ที่เดินทางมาเยือนครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสหราชอาณาจักรกำลังหันมาให้ความสำคัญกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกอย่างชัดเจน ภูมิภาคนี้มีความสำคัญต่อสหราชอาณาจักรทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และความตั้งมั่นของเราเพื่อสนับสนุนสังคมที่เปิดกว้าง ในภูมิภาคนี้มีประชากรของสหราชอาณาจักรกว่าหนึ่งล้านเจ็ดแสนคนอาศัยอยู่ และมีจำนวนถึง 50,000 คนในประเทศไทย ความสัมพันธ์ทางการค้าของเราจะยังคงเติบโตต่อไป ทศวรรษที่จะถึงนี้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกจะเป็นใจกลางของความท้าทายครั้งใหญ่ระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ ความมั่นคงทางทะเล และการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับระเบียบและมาตรฐานต่าง ๆ สหราชอาณาจักรจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่แน้นแฟ้นขึ้นกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก สร้างสถานะอันมั่นคงยิ่งกว่าประเทศอื่นใดในยุโรปในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้จะเห็นความมุ่งมั่นของเราได้การขอเข้าเป็นคู่เจรจาอาเซียนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสหราชอาณาจักรและประเทศไทยมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีความใกล้ชิดระหว่างประชาชนของสองประเทศ และมีความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในประเด็นครอบคลุมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงและการป้องกันภัย เราจึงขอต้อนรับกองเรือหลวง Carrier Strike Group เข้าสู่น่านน้ำประเทศไทยในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์ถึงความมุ่งมั่นที่เรามีร่วมกันในการสร้างภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง อันจะนำมาซึ่งความมั่งคั่งและมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก